ถอดคำบรรยายธรรม เรื่อง มรรค องค์ที่ ๑
อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
ธรรมบรรยาย เพื่อความรู้แจ้ง แห่งวิถีทางดับทุกข์ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2556
ทุกท่านพนมมือแล้วสวดตามเสียงพระเลยนะครับ
อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค หนทางนี้แล
เป็นหนทางอันประเสริฐซึ่งประกอบด้วยองค์ ๘ เสยยะถีทัง ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ
สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
สัมมาสังกัปโป ความดำริชอบ
สัมมาวาจา การพูดจาชอบ
สัมมากัมมันโต การทำการงานชอบ
สัมมาอาชีโว การเลี้ยงชีวิตชอบ
สัมมาวายาโม ความพากเพียรชอบ
สัมมาสติ ความระลึกชอบ
สัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ
(องค์มรรคที่ ๑)
กะตะมา จะ ภิกขะเว สัมมาทิฏฐิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเห็นชอบเป็นอย่างไรเล่า?
ยัง โข ภิกขะเว ทุกเข ญาณัง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความรู้อันใดเป็นความรู้ในทุกข์
ทุกขะ สะมุทะเย ญาณัง เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์
ทุกขะ นิโรเธ ญาณัง เป็นความรู้ในความดับแห่งทุกข์
ทุกขะ นิโรธะคามินิยา ปะฏิปะธายะ ญาณัง เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับทุกข์
อะยัง วุจจะติ ภิกขะเว สัมมาทิฏฐิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าวว่า ความเห็นชอบ
กะตะมา จะ ภิกขะเว สัมมาทิฏฐิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเห็นชอบเป็นอย่างไรเล่า?
ยัง โข ภิกขะเว ทุกเข ญาณัง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความรู้อันใดเป็นความรู้ในทุกข์
ทุกขะ สะมุทะเย ญาณัง เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์
ทุกขะ นิโรเธ ญาณัง เป็นความรู้ในความดับแห่งทุกข์
ทุกขะ นิโรธะคามินิยา ปะฏิปะธายะ ญาณัง เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับทุกข์
อะยัง วุจจะติ ภิกขะเว สัมมาทิฏฐิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าวว่า ความเห็นชอบ
เอามือลงก่อนนะครับ วันนี้เราจะไปกันทีละข้อเลย นะครับ
เวลาเราได้ยินคำว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ก็ชัดเจนนะครับ เป็นคำตรัสออกจากพระโอษฐ์
ความรู้อันใดเป็นความรู้ในทุกข์
เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ ตรงนี้คือสมุทัย ถูกมั๊ยครับ
เป็นความรู้ในการดับแห่งทุกข์ ตรงนี้คือ นิโรธ
เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงการดับแห่งทุกข์ ตรงนี้คือ มรรค นะครับ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตรงนี้เรากล่าวว่า ความเห็นชอบ
ตกลงสัมมาทิษฐิ คืออะไรครับ คือ ความรู้ในอริยสัจ 4 ง่ายๆแค่นี้แหละ นะครับ
อ้าว แล้วยังไงเหรอ... ไม่เป็นไร ...
ทำไมถึงรู้อริยสัจ 4 เป็นมรรคองค์ที่ 1ที่เกิดสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
เพราะเมื่อไหร่ก็ตาม บุคคลใดก็ตาม รู้ถึงซึ่งอริยสัจ 4
บุคคลแรกก็คือ พระโสดาบัน
เมื่อพระโสดาบันเห็นอริยสัจ 4 ชัดขึ้น ๆๆ ๆ จิตก็จะเริ่มปล่อยวางความรู้สึกไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งไปถึงที่สุดแห่งทุกข์ เห็นอริยสัจอย่างแจ่มแจ้งก็คือ พระอรหันต์นั่นเอง
แล้วในคนธรรมดาล่ะ ?
ในคนธรรมดา ในระดับสัมมาทิฏฐิ ในระดับคนธรรมดาที่บอกว่า เข้าใจเรื่องกฎ เรื่องของธรรมชาติ
รู้ว่าอันไหนเป็นเรื่องดีชั่ว บาปบุญคุณโทษ อันนี้เป็นสัมมาทิฏิในเบื้องต้น
เพื่อจะตะล่อมเข้ามาอยู่ในทางที่จะไปสู่หนทางแห่งการพ้นทุกข์
แต่ในสัมมาทิฏฐิที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อันนี้คือ เรื่องของอริยมรรค
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบรรลุธรรม เกี่ยวข้องกับการถึงที่สุดแห่งทุกข์ นะครับ
เพราะฉะนั้น บุคคลแรกที่จะเกิดสัมมาทิฏฐิเลยคือ พระโสดาบัน นะครับ
ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้บ่อยๆว่า พระโสดาบันทั้งหลาย เสมือนลูกของตถาคต
พอเข้าถึงสัมมาทิฏฐิแล้วเนี่ย มีความตั้งมั่น ปักมั่น แล้วก็เริ่มเห็นความจริง
หมดข้อสงสัย ไม่ต้องอาศัยผู้ใดอีก หรือว่า ก็อาศัยสิ่งที่สั่งสมจากครูบาอาจารย์
ก็ทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น แต่ไม่มีการออกนอกทางแล้ว
อย่างประมาทนี่ไม่มีชาติที่ 8 นะครับ
โสดาบรรณะ ก็คือ ตกอยู่ในกระแสแห่งพระนิพพานแล้ว
ต่อไปเรามาดู มรรคองค์ที่ 2 ต่อนะครับ
มรรคองค์ที่ 3
แล้วในคนธรรมดาล่ะ ?
ในคนธรรมดา ในระดับสัมมาทิฏฐิ ในระดับคนธรรมดาที่บอกว่า เข้าใจเรื่องกฎ เรื่องของธรรมชาติ
รู้ว่าอันไหนเป็นเรื่องดีชั่ว บาปบุญคุณโทษ อันนี้เป็นสัมมาทิฏิในเบื้องต้น
เพื่อจะตะล่อมเข้ามาอยู่ในทางที่จะไปสู่หนทางแห่งการพ้นทุกข์
แต่ในสัมมาทิฏฐิที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อันนี้คือ เรื่องของอริยมรรค
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบรรลุธรรม เกี่ยวข้องกับการถึงที่สุดแห่งทุกข์ นะครับ
เพราะฉะนั้น บุคคลแรกที่จะเกิดสัมมาทิฏฐิเลยคือ พระโสดาบัน นะครับ
ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้บ่อยๆว่า พระโสดาบันทั้งหลาย เสมือนลูกของตถาคต
พอเข้าถึงสัมมาทิฏฐิแล้วเนี่ย มีความตั้งมั่น ปักมั่น แล้วก็เริ่มเห็นความจริง
หมดข้อสงสัย ไม่ต้องอาศัยผู้ใดอีก หรือว่า ก็อาศัยสิ่งที่สั่งสมจากครูบาอาจารย์
ก็ทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น แต่ไม่มีการออกนอกทางแล้ว
อย่างประมาทนี่ไม่มีชาติที่ 8 นะครับ
โสดาบรรณะ ก็คือ ตกอยู่ในกระแสแห่งพระนิพพานแล้ว
ต่อไปเรามาดู มรรคองค์ที่ 2 ต่อนะครับ
มรรคองค์ที่ 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น